โลกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ เมื่อ “Stablecoins” กำลังดึงดูดผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก
เนื่องด้วยปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยในประเทศหลัก ๆ อย่างสหรัฐฯ อังกฤษ
และยุโรปเริ่มปรับลดลง แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับผู้กู้ แต่อาจไม่ใช่สำหรับผู้ฝาก เพราะผลตอบแทนจากบัญชีเงินฝากลดต่ำลงและยังถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย
2% ทำให้เงินสดในบัญชีเสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ
เมื่อเทียบกับทางเลือกใหม่อย่าง Stablecoins ที่สามารถมอบดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่สูงกว่าธนาคารได้
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ Mass Adoption ของ Stablecoins ยังไม่ง่ายนัก ความซับซ้อนของคริปโตยังเป็นกำแพงใหญ่ และข้อกังขาในการกำกับดูแลของสินทรัพย์ประเภทนี้ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ทำให้บางประเทศ เช่น ข้อเสนอของ Bank of England ที่อาจจำกัดวงเงิน Stablecoins ที่บุคคลหนึ่งสามารถถือได้ รวมถึงความเสี่ยงจากแพลตฟอร์มที่เคยล้มเหลวเพราะสัญญาผลตอบแทนสูงเกินจริงอย่าง Celsius ดังนั้น การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ความโปร่งใส และความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้ Stablecoins จะเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวสู่การใช้งานในวงกว้าง
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้
การมาถึงของกฎหมาย GENIUS
Act (Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins Act) มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 ก.ค 2025 ถือเป็น “จุดเปลี่ยนและใบเบิกทางสำคัญ” เพราะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ
ออกกรอบกำกับดูแล Stablecoin แบบชัดเจน ครอบคลุมทั้งการสำรองสินทรัพย์1:1
การตรวจสอบงบการเงินอย่างอิสระ (audit) และการรายงานต่อสาธารณะ
สิ่งเหล่านี้ช่วยลบล้างข้อครหาเรื่อง “ความโปร่งใส” และทำให้ Stablecoin ถูกยกระดับจาก “เงาของระบบดอลลาร์”ไปเป็น โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นับว่า GENIUS Act ไม่ได้อยู่เพียงแค่การสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนรายย่อย
แต่แท้จริงแล้วคือการเปิดประตูเงินสถาบัน สถาบันการเงิน บริษัทจดทะเบียน และ Corporate
Treasury ที่เคยหลีกเลี่ยง Stablecoin ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย
ตอนนี้สามารถถือและใช้ Stablecoin ได้อย่างสบายใจ และยังหมายถึงว่า
Trillions of Dollars ปริมาณเงินดอลลาร์ที่จอดอยู่ในพันธบัตรหรือบัญชีเงินฝาก
อาจไหลเข้ามาสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น
Stablecoin จึงเริ่มกลายเป็นทางออกที่น่าจับตาของนักลงทุนทั่วโลก เพราะไม่เพียงเชื่อมโยงกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างมั่นคง แต่ยังมอบผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินในธนาคารแบบเดิม นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “การเงินยุคใหม่” ที่ผู้คนทั่วโลกเริ่มหันมาถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลแทนเงินสดในกระเป๋า
ยกตัวอย่าง Coinbase ที่เสนอผลตอบแทนสูงถึง 4% ต่อปีสำหรับการถือ USDC ในขณะที่บัญชีเงินฝากในแคนาดาจำนวนมากให้ดอกเบี้ย 0% ความแตกต่างนี้ทำให้ Stablecoins เริ่มกลายเป็นทางเลือกที่จับต้องได้จริงสำหรับผู้บริโภคที่มองหาการรักษามูลค่าเงินและผลตอบแทน โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรหรือ Apple Pay จะสะดวกอยู่แล้ว จุดแข็งคือ "ดอกเบี้ยที่จับต้องได้" ไม่ใช่เพียงการทำธุรกรรมหรือโอนเงินที่เร็วขึ้น
orbix
INVEST จึงไม่รอช้า ในฐานะผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้เล็งเห็นถึงโอกาสที่นักลงทุนไทยจะได้ประโยชน์จากการลงทุนรูปแบบใหม่
เพิ่มทางเลือกการรับผลตอบแทนนอกเหนือจากแค่การเงินในบัญชีออมทรัพย์แบบปกติ
จึงมีการจัดทำผลิตภัณฑ์กลยุทธ์ลงทุนใน Stablecoin โดยมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนไทยได้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้นพร้อมช่องทางการลงทุนที่เข้าถึงง่ายและปลอดภัย
กับกลยุทธ์ orbix Stablecoinplus
โดยกลยุทธ์ orbix Stablecoinplus เน้นลงทุนใน USDC เป็นหลัก เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสูงถึง 3.25% ต่อปี นอกจากนี้กลยุทธ์ยังมีการบริหารการลงทุนและความเสี่ยงโดยทีม
Digital Asset Fund Manager ของ orbix INVEST ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง คว้าโอกาสลงทุนที่เพิ่มขึ้นกับกลยุทธ์
orbix Stablecoinplus ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ / ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต หรือผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดำเนินงานในอนาคต
ภายใน 24 ชั่วโมง ยอดล้างพอร์ต ทะลุ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของสื่อการเงินอ้างอิงข้อมูล CoinGlass ตัวเลขดังกล่าว สูงกว่าการล้างพอร์ตรอบ LUNA/UST และ วิกฤต FTX หลายเท่า มาย้อนดูเหตุการณ์ปริมาณล้างพอร์ตครั้งสำคัญในอดีตจนถึงปัจจุบันรวมถึงสาเหตุที่นักลงทุนต้องรู้
"เงินบาทแข็งแตะจุดสำคัญ คว้าโอกาสลงทุนใน USDC" ให้เงินทำงานรูปแบบใหม่ ปลอดภัย โปร่งใส ลงทุนในกลยุทธ์ OBX-STABLECOINPLUS ตอบโจทย์สถานการณ์เงินบาทแข็งค่า เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงสุดประมาณ 3.5% ต่อปี*